ISO สูงๆ 400, 800, 1600 เอาไว้ถ่ายอะไร ?

ISO สูงๆ 400, 800, 1600 เอาไว้ถ่ายอะไร ? เคยงงกันมั้ง สำหรับมือใหม่ คงเป็นไก่ตาแตก....แน่ๆ ครับ
ผมถูกสอนมาตลอดจากเพื่อนๆ รุ่นพี่ และ ที่สำคัญคนขาย.. ตั้งแต่มีกล้องตัวแรก ว่าฟิลม์ ISO 100 ซิน้อง.. ยิ่งแดดจัดๆ.....ภาพจะเนียน...คมกริบเลยหละ...ถ้าฟิลม์ ISO 200 เอาไปถ่ายแล้ว ภาพมันไม่ค่อยเนียนแต่แดดร่มหน่อยก็ยังพอถ่ายได้แต่ก็นั่นแหละ..มันสวยเนี๊ยบสู้ ฟิลม์ 100 ไม่ได้...นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็ปักใจว่า...รูป ต้อง ISO 100 เท่านั้น...สีสดและเนียน..                                              อ่านต่อ....


จนเวลาผ่านไป ผมก็มารู้จักกับ ISO 400 ฟิลม์ไวแสง.... เขาโฆษณาว่า....ถ่ายได้ทุกสภาพแสง แสงมากก็ถ่ายได้ แสงน้อย ก็ไม่มีปัญหามือสั่น หรือภาพไหว..แล้วมันต่างกันอย่างไร...ผมก็ยังงงอยู่......แต่ว่าในช่วงที่ ฟิลม์ชนิดนี้ถูกผลิตออกมาขาย..ผมก็เลิกเล่นกล้องไปแล้วหละครับ...
 
  
  
จนเมื่อเมื่อไม่กี่ปีมานี้ กล้องดิจิทัล ตัวที่สอง ที่ผมมีอยู่มันมี ฟังค์ชั่นในการปรับ ISO ค่าความไวของแสงค่า ISO ความไวแสง...ที่อยู่ในกล้องดิจิทัลของคุณ หรือฟิลม์....คืออะไร ...? ผมไม่สามารถจะอธิบายลงลึกไปในรายละเอียด..ครับ....เพราะผมยังรู้เกี่ยวกับทางด้านวิชาการไม่มากครับ...รู้แต่เพียงว่า...ISO ค่ามาตราฐานตัวนี้ มันเกี่ยวกับ “ความไวของแสง”โดยปกติเราจะถ่ายภาพโดยปรับค่า ISO เอาไว้ที่  “ISO100” แต่ถามว่า เราจะใช้ประโยชน์อะไรกับ เจ้า ISO ค่าอื่นๆ ที่สูงขึ้นได้บ้าง.....ผมขอแยกเป็น 2 

ประเด็นตามลักษณะของแสงดังนี้ครับ....
1) สภาพแสงที่ค่อนข้างน้อยในสภาพแสงน้อย หรือ ภายใต้ร่มเงาหรือภายในอาคารเราใช้ ISO สูงๆ 400 ,800,1600 เพื่อ...ถ่ายรูป ในเวลาที่แสงน้อยมากๆ ในเวลาที่ไม่มี..หรือไม่สามารถใช้ขาตั้งกล้องได้ หรือ ในที่ๆห้ามใช้ ไฟแฟลช์ยิง เช่นภาพวิวกลางคืนยามเย็นโพล้เพล้ ภาพในอาคาร ในโบสถ์ หรือ สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งสภาพแสงน้อย ทำให้กล้องต้องเปิดชัดเตอร์รับแสงนานขึ้น...ดังนั้นถ้ามือคุณไม่นิ่งได้ภาพสั่น เบลอ..กลับไปแน่นอนครับ...แทนที่จะได้ภาพมืดๆ หรือ ภาพสั่นๆมา...เราก็จะได้ภาพที่สว่าง คมชัดและสวยงามมาแทนยิ่งปรับ ISO สูงมากเท่าไหร่ ชัดเตอร์ก็จะเร็วมากขึ้นเท่านั้น..อันนี้ต้องลองปรับดูครับว่า...ปรับ ISO แค่ไหนถึงจะพอใจแต่อย่าลืมว่า ISO สูง ๆ มันมีผลข้างเคียงครับ.

1 ภาพแรกท้องฟ้ามืดแล้ว ผมถ่ายใช้การปรับกล้องที่ ISO100 ซูมนิดหน่อยภาพสั่นมากครับ..

2 ภาพที่สอง ลองปรับ ISO สูงขึ้น...ภาพก็ไม่เบลอ ชัดพอรับได้ครับ

3 ภาพสุดท้าย ขาตั้งกล้องมันใช้ไม่ได้ครับ..ไม่มีที่วาง...ต้องใช้มือ เปล่าๆถือกล้องถ่ายมันเป็นทางเลือกสุดท้าย ครับ คือ..ISO1600 ภาพไม่เนียน แต่ก็ชัดครับ
  

  

  

เป็นภาพที่ถ่ายภายใน บ่อเลี้ยงปลาขนาดยักษ์ที่มีแสงน้อยมากๆ ครับถ้ายิงแฟลช..มันก็จะสะท้อนกับกระจก..มองไม่เห็นครับ

2 ในสภาพแสงปกติ กลางวัน แดดจัดๆ

2.1 เราใช้ ISO สูงๆ ในกรณี ถ่ายภาพ ในระยะไกล..ใช้ เทเลโฟโต้ ซูมเลนส์เพื่อป้องกันการภาพสั่นไหว เนื่องจาก “มือไม่นิ่ง”การปรับ ISO สูงๆ จะทำให้ ความเร็วสปีดชัดเตอร์ "สูงขึ้นกว่าปกติ"ถึงแม้ว่ามือจะไม่นิ่ง แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่า มือจะสั่นภาพจะเบลอครับ...เพราะว่า ม่านชัดเตอร์ปิดเร็วมากๆ เร็วกว่าการสั่นไหวของมือ เราเสียอีก..2 ภาพนี้ถ่ายในที่ร่มด้วยครับแถมยัง ต้องยืดซูมอีก..พลาดแล้วพลาดเลยครับ เพราะว่านางแบบไม่ได้มายืนนานนัก..ใจร้อนมือสั่น..แสงน้อย...ก็ปรับ ISO สูงเอาไว้ก่อนสปีดชัดเตอร์จะได้เร็ว..กว่าเดิม..ถ่ายภาพจะได้ไม่สั่นครับ




  

  

ภายในกล้อง ดิจิทัลทุกๆตัว จะมีฟังค์ชั่น ในการปรับ ISO ซ่อนอยู่ในเมนูปรับแต่งกล้อง...การปรับค่า ISO ทำเพื่อให้กล้องมีความไวต่อแสงมากขึ้นกว่าเดิมแล้วถ้าจะพูดกันอีกแบบก็คือถึงแม้นว่าแสงในธรรมชาติจะมีน้อยแต่กล้องก็สามารถมองเห็นและบันทึกภาพได้ในกรณีที่ถ่ายรูปในสภาพแสงปกติเราก็อาจจะปรับกล้องให้มีความไวต่อแสงมากๆได (400-800 หรือ1600 )แต่ผลข้างเคียงของการใช้ ISO สูงๆ ก็จะตามมาภาพแตก..เป็นเม็ด...ๆ ดังนั้นสิ่งที่อยากจะเน้นเรื่องการใช้ ISO สูงๆถ่ายภาพก็คือ... ISO 400 –  ISO 800 - ISO 1600 ความคมชัดของรูปก็จะลดลง ภาพจะมีเม็ดปรากฏ (Noise) รายละเอียดของภาพจะหยาบ ขึ้นหยาบขึ้น....ตามลำดับของการตั้งค่า ISO ที่สูงขึ้น
ดังนั้น เราควรที่จะต้องถ่ายภาพ มาให้สว่างพอดี ๆ ถ้าถ่ายมาอันเดอร์(มืดไป)เวลาคุณเอามาปรับแต่ง “เร่งแสง” ในคอมพิวเตอร์หรือเวลา ช่างที่ร้านอัดรูปเขาเพิ่มแสงให้รูปคุณสว่างขึ้น...ภาพก็จะแตกเป็นเม็ดๆๆ และดูไม่ชัดไม่สวยเลยดังนั้นผมคงอยากจะแนะนำว่า...ปรับสีให้สด ปรับคอนทราสให้จัดตามใจคุณชอบ..จากในกล้องให้เรียบร้อย (กล้องคอมแพ็ค บางรุ่นปรับแต่งไม่ได้) แล้วถ่ายมาให้พอดีๆ...
ถ่ายแล้วดูว่าสว่างพอดีไหม....ถ้ามืดไปก็ถ่ายใหม่...ต้องทำใจครับ...ไม่มีอะไรดี...สมบรูณ์ โดยไม่มี “Side Effect”( ผลข้างเคียง) สองภาพนี้เร่งแสงไม่ได้เลยครับโดยเฉพาะรูปที่สองพอเร่งแสงปุ๊บ เม็ดๆ (Noise)มาเพียบเลยครับ




 

กรณีศึกษา...
ความไวของแสงในแต่ละกล้องไม่เท่ากัน....ขึ้นอยู่กับ
1 ขนาดของ CCD (เซลรับแสงภายในกล้อง) กล้องคอมแพ็ค กับกล้อง DSLR ขนาดของ CCD (เซลรับแสง) จะไม่เท่ากัน ดังนั้น ความไว ต่อแสงก็ไม่เท่ากันด้วย...
2 ระบบประมวลผลของกล้องProcessor & Software วงจรอิเล็คโทรนิคและซ้อฟแวร์โปรแกรม ที่อยู่
ภายในกล้องกล้องแต่ละยี่ห้อก็จะ มีความต่างกัน ในด้านประสิทธิภาพด้วยเหมือนกัน ภาพที่ถ่ายได้ ยี่ห้อหนึ่ง ก็จะเกิดเม็ด(Noise) น้อยกว่าอีกยี่ห้อและแม้แต่ ยี่ห้อเดียวกัน เพียงแต่ข้ามรุ่นข้ามโมเดลการเกิดเม็ด(Noise) ก็ต่างกัน ถึงแม้ว่า จะตั้ง ISO เอาไว้ เท่ากันประสบการณ์ของผม ที่ผ่านมา ก็เคยเห็นกล้อง DSLR (บางยี่ห้อ) เวลาถ่ายภาพ ด้วย ISO 800 (ในกรณีที่ปริมาณแสงมากพอ) ถ่ายตอนกลางวันหรือถ่ายช่วงเย็น ..เราอาจจะมองไม่ค่อยเห็น เม็ดหรือNoise ภายในภาพเลย
3 ภาพมีเม็ดหรือแตก...มันก็ไม่ใช้ผลมาจาก ISO เสมอไป...การถ่ายภาพในสภาพแสงที่น้อยมาก...ปริมาณของแสงที่เข้ากล้องมีน้อย..ไปถึงแม้ว่าปรับกล้องเอาไว้ที่ ISO 100 แล้ว... .ใช้ขาตั้งกล้องกับ เปิดชัดเตอร์รับแสงแช่เอาไว้นานแต่ภาพที่ได้ ก็อาจจะมี Noise เกิดขึ้นได้ครับ..เหมือนกับเราอัดเสียงนกร้อง ถ้าเราไปอัดในเมืองหลวงเสียงนกเบา เสียงแทรกเยอะ... ถึงแม้ว่าเราจะเอาเทปมาเปิด กับแอมป์ ขยายเสียง คุณภาพ มันก็จะไม่เหมือนกับการอัดเสียงนกจากป่า หรือ อัดจากห้องอัดเสียงแน่นอนครับ
ถึงแม้ว่า เครื่องอัดเสียงจะดี หรือ แอมป์ขยายเสียงจะดี..มันก็มีส่วนบ้าง..แต่สัจจธรรมก็คือ..คุณภาพต้นฉบับ ...มาไม่ดี..เวลามาขยาย หรือปรับแต่ง มันก็จะไม่สมบรูณ์ อย่างแน่นอนครับการปรับตั้ง ISO ความไวต่อแสงของกล้อง แค่ไหนถึงจะเพียงพอ...ผมตอบไม่ได้ครับ...เพราะว่า บางคนชอบ Noise เพราะว่าภาพแตกเป็นเม็ด..ในกรณีถ่ายภาพขาวดำ..เพราะมันดูเหมือนถ่ายภาพด้วยฟิลม์..บางคนก็ไม่ชอบ Noise .... เพราะภาพไม่เนียน...

 ขอให้มีความสุขในการถ่ายภาพนะครับ...

บทความดีๆ มีมาให้อ่าน ตลอด อย่าลืม ติดตาม D60 Club นะครับ